Call Center 086 883 0777
Email: contact@netanart.com

 

<< บทความทั้งหมด

พฤติกรรมบำบัด ( Behavior Therapy) สำหรับ โรคเรื้อรัง โดยเฉพาะ โรคสะเก็ดเงินและภูมิแพ้ต่างๆ

     คำๆนี้เป็นคำที่ดูล้าสมัย มาก หากนำมาใช้ในด้านสุขภาพและทำได้ยาก เพราะ
     1. ไม่มีผลิตภัณฑ์ที่จะขายได้ เพราะมีแต่การบริการให้คำแนะนำซึ่งคิดค่ารักษา พยาบาลได้ยาก เพราะ เห็นคุณค่าได้ยาก
 
     2. คำแนะนำที่ให้ไม่เฉพาะบุคคล แต่เป็นคำแนะนำที่อิงกับความเชื่อด้านสุขลักษณะ ทั่วไป
 
     3. แม้คำแนะนำนั้นจะค่อนข้างได้ผล แต่ปริมาณและความถี่ไม่สามารถกำหนดให้แม่นยำ เพราะไม่มีข้อมูลใหม่ๆ ถูกป้อนให้กับศูนย์ความรู้ที่สามารถปรับเปลี่ยนคำแนะนำให้เฉพาะเจาะจงได้เพื่อดำรงประโยชน์ที่เกิดจากการควบคุมพฤติกรรม
 
     4. การป้อนข้อมูลใหม่จะต้องได้มาจากเฉพาะบุคคล ที่ไม่มีสติ สมาธิปัญญาเพียงพอ ที่จะจดจำรายละเอียดในข้อมูลนั้นได้หมดและตลอดเวลาการพัฒนาผู้ป่วยทั้งด้าน สติ สมาธิ ปัญญาจึงจำเป็นแต่ทำได้ยากมาก 
 
     5. ข้อมูลแม้จะสมบูรณ์แต่ผู้ประมวลข้อมูลเพื่อปรับปรุง ให้เกิดเป็นคำแนะนำนั้นไม่ได้ กระทำอย่างต่อเนื่อง จึงไม่มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลที่จะทำให้เกิดความประทับใจ จาก การบริโภคหรือ เชื่อ คำแนะนำ ในเชิงพฤติกรรมบำบัด
 
หมอที่เก่งๆที่สามารถ ทำงานปรับโหมดความคิดของตนเอง ตลอดเวลาแทนซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ อาจจะสามารถ ทำ ทั้ง 5 ข้อ ได้ คือ 
     1. ไม่ต้องการขายยา หรือ ผลิตภัณฑ์ หรือ การทำหัตการณ์ ต่างๆ แต่มุ่งเน้นกับการรักษาให้หายด้วยพฤติกรรมบำบัดเป็นหลัก และไม่เชื่อ เรื่อง ความเรื้อรังของโรคหรือ พันธุกรรม แต่ เชื่อ เรือง การแสวงหาข้อมูลที่เกี่ยวเนื่องกับโรคนั้น และ จะมุ่งมั่นเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมของโรคได้ โดยเปลี่ยนพฤติกรรมของเจ้าของ โรคนั้น คือถือหลักว่า ตัวผู้ป่วย คิดดี พฤติกรรมดี สุขภาพจะดีตามมา
 
     2. มุ่งหวังจะให้เกิดคำแนะนำเฉพาะบุคคล แม้ว่าในขั้นเริ่มต้นจะ ต้องใช้ข้อมูลที่อิงกับความเชื่อ ด้านสุขลักษณะทั่วไป
 
     3. เมื่อได้ผล บ้าง จาก การทำงาน ขั้นที่ 2 แต่ก็ยังเฝ้าติดตาม และสามารถใช้ทักษะ ในการสื่อสารทำให้ คนไข้แต่ละคนเป็น คนใหม่ ที่พร้อมป้อนข้อมูลใหม่ๆ ให้หมออย่างมากที่สุดและ ช่วยจัดโปรแกรมความคิดของผู้ป่วยให้มีรูปแบบใหม่ให้เป็นระบบ สามารถสื่อสารป้อนข้อมูลของตนให้กับหมอได้ 
 
     4. จากข้อ3 นั่นคือ การ พัฒนา สติ สมาธิ ปัญญา ของผู้ป่วยแต่ละคน ให้ได้ดีที่สุด ข้อ มูลของแต่ละคนจะอยู่ในมือหมอ ท่านนี้ที่สามารถจัดโปรแกรมวิเคราะห์ ทำให้เกิด คำแนะนำ ที่มีประสิทธิภาพ ได้และคนไข้ยอมนำไปปฏิบัติจนเกิดผล ทำให้หายจากโรคเรื้อรังได้
 
     5. หมอท่านนี้ต้องทุ่มเทชีวิตจิตใจทำงานเรื่องนี้เพียงอย่างเด็ดเดี่ยวเหมือน ซูเปอร์ คอมพิวเตอร์ ที่ทำทุกอย่างตั้งแต่ ข้อ 1-4 แม้ว่าจะไม่สามารถถ่ายทอดให้รุ่นต่อไปได้ก็ตาม
 
หากท่านพบหมอเช่นนี้ได้ ท่านก็จะสามารถหายจากโรคได้ด้วยพฤติกรรมบำบัด แต่สุดท้าย  หมอท่านนี้ก็ไม่สามารถที่จะถ่ายทอดความรู้นี้ให้กับแพทย์ ท่านอื่นได้เพราะความรู้ทั้งหมดเป็นระบบใหม่ และนักศึกษาแพทย์ ที่จบมาจากระบบเก่าจะย่อมไม่คุ้นกับการเรียนรู้เช่นนี้ ประโยชน์ต่างๆเหล่านี้จะสูญหายไป และต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่เมื่อมีหมอท่านหนึ่งท่านใด ที่สำนึกรู้ได้ว่าต้องทำเช่นนี้ เริ่มต้นใหม่ตั้งแต่อายุยังไม่มากนักเพราะกระบวนการเหล่านี้ ยากที่จะเข้าถึง เข้า ใจ และ พัฒนา เป็นรูปธรรมได้ต้องใช้เวลานานในการจัดระบบนี้ขึ้นมา
 
แต่ในยุค Internet มีบทความ หนึ่งใน 19 บทความ ที่ตีพิมพ์ online ใน 
- CH@NGE
- 19 Key Essays on
- How Internet Is 
- Changing Our Lives
- Juan Ignacio Vázquez
- The Internet of Things: 
- Outlook and Challenges
 
นักคิดและนักวิทยาศาสตร์ กลุ่มนี้มีความใฝ่ฝันกันว่า เครื่องใช้ไม้สอยทุกอย่าง รอบตัวเรา สามารถ ถูกสร้างให้เป็นเครื่องมือ ที่ ติดตั้ง RFID ซึ่งจะสามารถรวบรวมข้อมูลแทนสมองของเราว่าเราทำอะไร ในที่ใด นานเท่าไร เช่น สามารถรวบรวมว่าเราไปอยู่ในที่ที่มี อากาศไม่ดี เรา รับประทานอาหารทะเล ผลไม้มียางเข้าไป เรากลับไปเยี่ยมบ้านที่ยังหุงข้าวด้วยเตาถ่านทำให้เกิดควันพิษ ฯลฯ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งโดยอัตโนมัติไปทาง internet WIFI ไปยังศูนย์ข้อมูล ที่สามารถได้รับการบริการทางด้านวิเคราะห์ ข้อมูลที่จะใช้ให้เกิดประโยชน์ในลำดับต่อไป
 
ในความคิดของผมคือ แพทย์รุ่นใหม่ที่ถูกสอนมาใหม่จะสามารถเข้าไป วิเคราะห์ข้อมูลของคุณที่ถูกเก็บในสภาพที่เรียกว่า Big Data เพื่อให้คำแนะนำ ในคราวต่อไป หรือ อาจจะมีคำแนะนำไปในมือถือ เพื่อเตือนคุณ ให้หยุด หรือ เสริมการกระทำบางอย่างทันที เหมือนเพื่อoที่ line หาคุณ เมื่อแพทย์สอบข้อมูล แล้วส่งถึงคุณและคุณ ปฏิบัติตาม ก็จะทำให้ปัญหาสุขภาพไม่กำเริบ หรือ ให้ปัญหาที่ท่านเป็นอยู่หายเร็วที่สุด
 
แนวความคิดของ นักวิทยาศาสตร์ เหล่านี้ ผมคิดว่าอีกไม่นานจะเป็นความจริงเพราะ
 
     1. การให้บริการเช่นนี้จะมีค่าใช้จ่าย แทนที่ท่านจะใช้ยาท่านจะต้อง เสียค่าใช้จ่ายไปกับ เครื่องมือ เครื่องใช้ต่างๆที่ติดตั้ง RFID ทั้งเสื้อผ้า สายรัดข้อมือ ตุ้มหู ฯลฯ นอกจากนั้นข้อมูลเหล่านี้จะไม่มีประโยชน์เลยหากไม่มีใครช่วยคุณวิเคราะห์
 
     2. โรงเรียนแพทย์จะเปลี่ยนหลักสูตรการเรียนการสอน ให้รู้จัก เซนเซอร์  RFID เหล่านี้ และ เรียนรู้เรื่อง การโปรแกรม คอมพิวเตอร์ เพื่อ วิเคราะห์ ข้อมูล และ จัดการให้คำแนะนำ ต่างๆ
 
     3. แพทย์เหล่านี้ที่จบออกมาก็จะให้บริการ ทางการแพทย์แบบใหม่กับท่าน  บริษัทขายยา ก็จะ เสื่อมลง นักลงทุนจะหันมา ซื้อหุ้นในบริษัทเกิดใหม่และโรงเรียนแพทย์แบบใหม่
 
     4. กฎระเบียบทีควบคุมการบริโภคยาจะเปลี่ยนไป  กสทช. อาจจะใหญ่กว่า สำนักงานควบคุมอาหารและยา แพทยสภา จะด้อยกว่า มอก. ที่ควบคุม มาตรฐานเครื่องมือ ที่ติดตั้ง RFID
 
     5. แม้หากท่านป่วย แต่ ถ้าท่านปฏิบัติตัวตามคำแนะนำโดยดีมาตลอด ค่ารักษาพยาบาลอาจจะถูกมาก เพราะ บริษัท ที่ดูแลท่านมาตลอด ได้เงินจากท่านไปมากมายแล้วและต้องการทำงานให้ครบวงจรก็จะจัดการรักษาที่ปลายทางให้ด้วย ส่วนบริษัทประกัน ที่ดูแลรับผิดชอบ คงเข้ามาร่วมให้ท่านซื้อประกันแต่แรกๆ โดยมีข้อแม้ ที่ท่านต้อง ส่งหลักฐานเรื่อง การรักษาในแนวใหม่นี้ให้กับทางบริษัทอย่างครบถ้วน
 
บทความนี้ เกิดจากาการที่ผมพยายามเป็นหมอแบบเชื่อในเรื่อง พฤติกรรมบำบัดและปฏิบัติมายาวนานและเชื่อว่าเป็นหนทางที่จะทำให้โรคเรื้อรังหายได้ และ ประทับใจทันทีกับ บทความเริ่มต้น ในหนังสือ online เล่มนี้ ที่จะพัฒนาเครื่อง RFID เพื่อให้ได้ข้อมูล ซึ่ง ดูเหมือ เป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่จะเกิดขึ้นจริงแน่นอน ซึ่งคงเป็นในต่างประเทศ ที่มีต้นทุนการพัฒนาเทคโนโลยีที่ต่ำ มีกระบวนการจัดการกับนวัตกรรมใหม่ได้ดีและ มีอิทธิพลในการเปลี่ยนวัฒนธรรมให้กับประเทศที่ตามหลัง เมื่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ และวัฒนธรรมในเรื่องการดูแลผู้ป่วยเปลี่ยนไป ไม่ว่าแพทย์ของท่านจะแก่ตายไป ข้อมูลและแพทย์คนใหม่ที่จะมาวิเคราะห์ แทนก็มีมากมาย ไม่ต้องห่วง ว่าจะไม่มีใครสานงานนี้ต่อ
 
แต่หากท่านไม่อยากรอไปจนถึงอนาคต ซึ่งอาจจะทำให้สูญเสียเวลาที่มีค่าไปเปล่าๆกับอาการป่วยด้วยเรื่องโรคเรื้อรังของท่าน ท่านสามารถทำดังนี้
 
     1. หาหมอ ที่เชื่อในเรื่องพฤติกรรมบำบัด
 
     2. หมอต้องอาศัยข้อมูลจากท่าน
 
     3. ท่านต้องยอมรับในการที่จะต้องถูกเปลี่ยนแปลง ให้สามารถรวบรวมข้อมูลให้เป็นระบบ และสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
     4. ยอมรับผลวิเคราะห์ จาก หมอ ท่านนั้นและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
 
     5. ท่านจะหายจากโรคและ ต้องอดทนกับความรู้สึกอึดอัดที่จะต้องตอบเพื่อนท่านอย่างสั้นๆไม่ได้ว่าท่านหายจากโรคเรื้อรังนั้นได้อย่างไร
 
โรคเรื้อรังที่ผมกำลังรักษาด้วยวิธีพฤติกรรมบำบัด คือ โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังทั้งหลาย โดยเฉพาะ  โรคสะเก็ดเงิน   โรค เลเคน อะไมลอยด์
 
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ ไม่มากก็น้อย
 

<< บทความทั้งหมด

ดุลแห่งชีวิตเพื่อผิวพรรณและเส้นผม
ผม มงกุฎแห่งความสง่างาม
คุยกับ นพ สมนึก อมรสิริพาณิชย์ เรื่อง ฝีใต้รักแร้
คุยกับ นพ.สมนึก อมรสิริพาณิชย์ เรื่อง เหงื่อชุมมือ และ รักแร้
คุยกับ นพ.สมนึก อมรสิริพาณิชย์ เรื่อง ทำไมสิวถึงเกิดซ้ำที่เดิม
คุยกับ นพ.สมนึก อมรสิริพาณิชย์ เรื่อง หูดบนหนังศรีษะ
3 คุยกับ นพ.สมนึก อมรสิริพาณิชย์ เรื่องเล็บพังรักษาได้
คุยกับ นพ.สมนึก อมรสิริพาณิชย์ เรื่องฉีดวันซีน Covid-19 ให้ปลอดภัย
  บริการ
ผลิตภัณฑ์
ตารางแพทย์
ความรู้/บทความทางการแพทย
ติดต่อนีตนาท
© 2019 Netanart Clinic